วิธีง่ายๆ ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า
การเลือกซื้อของใช้กระจุกกระจิกในชีวิตประจำวัน ซึ่งเดี๋ยวนีั้จะมีสินค้าใหม่ๆ มาให้เราเลือกหามากมายหลากหลายยี่ห้อ บางครั้งเราอาจจะเกิดอาการลังเลเลือกไม่ถูก นั่นก็ดี นี่ก็ชอบ จึงไม่รู้ว่าอันไหนดีจริงหรือไม่ดีจริง การเลือกซื้อสินค้าของใช้จึงต้องอาศัยการตัดสินใจพอควร ถึงแม้ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อย อย่างเช่น ยาสีฟ้นหรือสบู่ก็ตาม ถ้าเรามีความรอบคอบ และมีหลักในการเลือกซื้อของ จะช่วยทำให้เราประหยัดเงินไปได้หลายตังค์เลยทีเดียว ซึ่งวิธีการง่ายๆ ในการเลือกซื้อสินค้า คือ - ถามตัวเองก่อนเลยว่าต้องการอะไร บางทีไปห้างสรพสินค้า แต่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการ เดินไปเรื่อย ในที่สุดก็ไปจบที่การได้ใช้เงิน แต่ไม่รู้ว่าซื้อมาทำไม - ของชนิดนี้เหมาะสมต่อคุณหรือไม่ หรือว่าแค่มันใหม่ หรือว่าดูสวยงามมีราคาเท่านั้น - ลองเทียบราคาสินค้าในหมวดเดียวกันว่ามีความต่างในด้านปริมาณ…
ทำงานทุกอย่างที่ทำให้คุณมีเงินเพิ่มมากขึ้น
ถ้าเป็นงานสุจริตขอให้ลงมือท่ามันเถอะ อย่าปล่อยให้คำว่า "ไม่มีงานทำ" เกิดขึ้นกับคุณเป็นอันขาด เพราะไม่ใช่หมายความว่า คุณไม่มีงานทำ หรือไม่มีอะไรเหมาะแก่การที่คุณจะต้องทำหรอก อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า "มันไม่คุ้ม" หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่ว่าถ้าหากคุณลงมือทำจริงๆ ย่อมดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ ระหว่างคน 2 คน ที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทำงานเท่ากัน เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นจึงทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคนตกงาน และมีเงินออมอยู่ไม่มากนัก แต่ละคนต่างก็ใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร ในขณะที่ยังต้องมีภาระใช้จ่าย ต้องกินต้องใช้ในยามวิกฤติเช่นนี้ การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ของทั้งสองคนต่างกันดังนี้ คนแรกเลือกที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่นิ่งๆ เพื่อรอให้เศรษฐกิจกลับสู่สภาพดีดังเดิมเสียก่อน เขาให้เหตุผลว่าหลักการทำธุรกิจ หรือการค้าขายใดๆ ก็ตามมันต้องดูช่วงเวลาว่าเอื้ออำนวยมากแค่ไหน…
อยากมีเงินมาก ก็ต้องทำงานให้มากขึ้น เท่านั้นเอง
เรารู้กันแล้วว่า เราถูกโปรแกรมมาในทางลบหรือทางขาดแคลนจากโลกแห่งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ครอบครัว เพื่อน อีเมลล์ หรืออินเตอร์เน็ต ฯลฯ มาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งเหล่านั้นมีบทบาทอย่างไรในการฉุดคุณไว้เบื้องหลัง? ข้อแรก คุณอาจรู้สึกว่า คุณจะทำให้ครอบครัวเสียหน้า หรือกลัวว่าเพื่อนจะไม่ชอบคุณอีกต่อไป แล้วหากคุณทำให้ความมั่งคั่งเกิดขึ้นมา คนที่ถูกโปรแกรมความขาดแคลนไว้ก็จะพูดว่า “เธอจ่ายไปเท่าไหร่น่ะ มันไม่สูงเกินไปหน่อยหรือ?” “จริงๆ แล้วเธอจำเป็นต้องมีแค่ไหนถึงจะพอ?” “ไม่เห็นเหรอ คนไม่มีจะกินกินอีกมากมาย แล้วยังจะกินกันขนาดนี้เชียวหรอ?” คุณก็เริ่มรู้สึกผิดถ้าจะซื้อเสื้อตัวนั้น อาหารจานนั้น หรืออะไรที่ดูค่อนข้างจะหรูหราเช่นนั้น หรือเมื่อคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีคุณก็จะเริ่มถ่อมตัวต่อหน้าเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับคู่รัก…
เปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับคำว่าเงินใหม่
ตอนนี้เราต้องการให้คุณตรวจสอบความเชื่อของคุณเกี่ยวกับเรื่องเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตที่บางครั้งอาจจะฉุดรั้งความก้าวหน้าของเราได้นั่นก็คือ ระบบความเชื่อ ทำไมน่ะหรือ เพราะว่าความคิดเกิดมาจากความเชื่อ และการกระทำของเรานั้นเป็นผลมาจากความคิด ทุกๆ สิ่งที่เราคิดหรือทำเกิดมาจากความเชื่อ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ B มีความเชื่อว่าเธอไม่สามารถมีเงินมากมายได้ และเธอไม่มีทางรายได้มากกว่าพี่สาวของเธอ เพราะพี่สาวของเธอมีผลการเรียนที่ดีกว่า และจัดว่าเป็นคนที่ “ฉลาด” ที่สุดในครอบครัวของเธอ ดังนั้น B จึงต้องทำงานที่น่าเบื่อ และบอกกับตัวเองว่าต้องทนให้ได้ เธอฝังใจเกี่ยวกับความเชื่อนี้มาก แม้แต่เวลาที่เธอได้เลื่อนตำแหน่งเธอก็ยังปฏิเสธ เพราะเธอเกรงว่าจะไม่สามารถทำได้ จากนั้นเธอก็ได้งานใหม่ซึ่งดีกว่า แต่เธอก็ปฏิเสธอีกเช่นกัน B พยายามพิสูจน์ว่าความเชื่อที่เธอมีนั้นเป็นจริงหรือไม่ เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับการกระทำของเธอเสียใหม่ เธอก็ได้งานใหม่ที่ดีกว่า มีรายได้ดีกว่า…
เราโชคไม่ดี หรือเรายังทำไม่เต็มที่
เพราะชีวิตนี้เป็นของเรา ดังนั้นทุกอย่างในชีวิตจะดีขึ้นหรือแย่ลงจึงล้วนอยู่ในมือเรากำหนดทั้งสิ้น ในวันที่เราพบเจอเรื่องราวเลวร้ายที่ทำให้ชีวิตย่ำแย่ อาจเพราะการงานที่ทำอยู่เกิดความล้มเหลว ทำแล้วไม่เป็นผลสำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้ นาทีนั้นเราอาจเกิดคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมโชคชะตากลั่นแกล้งแบบนี้” แต่อยากให้ทบทวนกับตัวเองให้ดีก่อน ว่าแท้จริงเป็นเพราะโชคชะตากลั่นแกล้งหรือเป็นเพราะเราลงแรงไม่พอหรือเปล่า หลายคนเวลาทำงานอะไรก็ตามแล้วเกิดความล้มเหลว ก็ต้องคิดพิจารณาก่อนว่างานที่ล้มเหลวนั้นเกิดจากสาเหตุใด ระหว่างเรายังตั้งใจทุ่มเทเพื่อมันไม่เพียงพอหรือเราทุ่มเทอย่างเพียงพอแล้ว แต่เกิดความผิดพลาดบางอย่างจนทำให้งานสะดุดและล้มเหลวได้ในที่สุด และถ้าหากเป็นอย่างหลังก็ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีสติให้ได้ด้วยตนเอง การจะทำอะไรสักอย่าง เราต้องลงมือทุ่มเทกายใจเพื่อสิ่งนั้น แต่ถ้าหากเราไม่ได้ลงมือเพื่อมันพอ เรานั่นแหละที่ตอบตัวเองได้ว่าสิ่งที่ทำนั้นล้มเหลว พลาดท่าเพราะอะไร ไม่มีใครสามารถรู้ได้นอกจากตัวเราคนเดียว เพราะถ้าหากที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตอย่างไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มในที่นี้คือ อยู่แบบล่องลอยไปวันๆ ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการวางแผนไปสู่อนาคต เมื่อคนอื่นที่ทุ่มเททำเพื่อความสำเร็จล่วงหน้าไปไกลกว่าเรามากแล้ว และพบว่าอีกไม่นานคนเหล่านั้นกำลังไขว่คว้าเส้นชัยได้สำเร็จอย่างมุ่งหวัง นาทีนั้นเราจึงนึกอิจฉาและตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา แต่ก่อนอื่นอยากให้หันมาถามตัวเองก่อนว่า…