รวยด้วยการขายอาหารพื้นบ้าน

  ในเกือบทุกจังหวัดของประเทศไทย มักมีอาหารแห้งพื้นเมืองขายประจำอยู่ทุกอำเภอและทุกจังหวัด ตั้งแต่กล้วยตากอบน้ำผึ้ง หมูหยอง และแหนม กระยาสารท ไข่เค็ม ขนมเปี๊ยะ แคปหมู กุนเชียง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ผลไม้ และผักดองมากมาย สินค้าเหล่านี้อาจพบบ้างตามสถานที่ต่างๆ แต่ก็วางขายอยู่แบบกระจัดกระจาย และไม่ได้จัดไว้เป็นพวกๆ ตามแหล่งที่มา ซึ่งการขายของจากแหล่งที่มานั้นเป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้า เสมือนใบรับประกันความอร่อย และเพิ่มความนิยมมากขึ้น ดังนั้นวิธีที่เหมาะสมกว่าก็คือ การเปิดร้านขายของเช่นนี้ โดยเฉพาะคุณอาจเห็นอยู่บ้างเป็นย่านๆ เช่น ขนมแห้งแบบไทยก็แถวตลาดบางรัก เช่น ขนมบ้าบิ่น ฝอยทอง…

อยากมีเงินมาก ก็ต้องทำงานให้มากขึ้น เท่านั้นเอง

เรารู้กันแล้วว่า เราถูกโปรแกรมมาในทางลบหรือทางขาดแคลนจากโลกแห่งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ครอบครัว เพื่อน อีเมลล์ หรืออินเตอร์เน็ต ฯลฯ มาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งเหล่านั้นมีบทบาทอย่างไรในการฉุดคุณไว้เบื้องหลัง? ข้อแรก คุณอาจรู้สึกว่า คุณจะทำให้ครอบครัวเสียหน้า หรือกลัวว่าเพื่อนจะไม่ชอบคุณอีกต่อไป แล้วหากคุณทำให้ความมั่งคั่งเกิดขึ้นมา คนที่ถูกโปรแกรมความขาดแคลนไว้ก็จะพูดว่า “เธอจ่ายไปเท่าไหร่น่ะ มันไม่สูงเกินไปหน่อยหรือ?” “จริงๆ แล้วเธอจำเป็นต้องมีแค่ไหนถึงจะพอ?” “ไม่เห็นเหรอ คนไม่มีจะกินกินอีกมากมาย แล้วยังจะกินกันขนาดนี้เชียวหรอ?” คุณก็เริ่มรู้สึกผิดถ้าจะซื้อเสื้อตัวนั้น อาหารจานนั้น หรืออะไรที่ดูค่อนข้างจะหรูหราเช่นนั้น หรือเมื่อคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีคุณก็จะเริ่มถ่อมตัวต่อหน้าเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับคู่รัก…

กฎ 10 ข้อที่ทำให้คุณมีเงินมากขึ้น

กฎข้อที่หนึ่ง บันทึกรายรับรายจ่าย ก่อนนอนทุกคืนให้จดรายรับรายจ่ายประจำวัน เพราะสามารถทำให้เรารู้ว่าเราสุรุ่ยสุร่ายหรือไม่ พร้อมทั้งควรจะรู้ว่าควรอดออมอย่างไร เพื่อสร้างนิสัยการใช้เงินที่ดี กฎข้อที่สอง ทำงบประมาณ นั่นคือกำหนดกะเกณฑ์ว่ารายรับของเราที่ได้มา จะใช้เพื่อเก็บ เพื่อใช้ เพื่อลงทุน หรือเพื่อสังคมอย่างไร ทำให้เรามีความอบอุ่นมั่นใจ และมีกรอบในการใช้เงิน กฎข้อที่สาม ประเมินเงินเข้าออก บริษ้ทต่าง ๆ จะมีฝ่ายจัดซื้อ ทำหน้าที่ชื้อของดีที่สุด ราคาเหมาะสมที่สุด หมายถึงเงินที่จ่ายออกไปต้องได้ของมีคุณค่าที่ดีกลับมา กฎข้อที่สี่ เลิกฟุ่มเฟือย คนที่มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เพราะไม่รู้จักทำงบประมาณการเงิน และไม่รู้จักประมาณตน ไม่สามารถระงับความอยาก สุดท้ายก็มีหนี้สินพอกพูน…

เปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับคำว่าเงินใหม่

ตอนนี้เราต้องการให้คุณตรวจสอบความเชื่อของคุณเกี่ยวกับเรื่องเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตที่บางครั้งอาจจะฉุดรั้งความก้าวหน้าของเราได้นั่นก็คือ ระบบความเชื่อ ทำไมน่ะหรือ เพราะว่าความคิดเกิดมาจากความเชื่อ และการกระทำของเรานั้นเป็นผลมาจากความคิด ทุกๆ สิ่งที่เราคิดหรือทำเกิดมาจากความเชื่อ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ B มีความเชื่อว่าเธอไม่สามารถมีเงินมากมายได้ และเธอไม่มีทางรายได้มากกว่าพี่สาวของเธอ เพราะพี่สาวของเธอมีผลการเรียนที่ดีกว่า และจัดว่าเป็นคนที่ “ฉลาด” ที่สุดในครอบครัวของเธอ ดังนั้น B จึงต้องทำงานที่น่าเบื่อ และบอกกับตัวเองว่าต้องทนให้ได้ เธอฝังใจเกี่ยวกับความเชื่อนี้มาก แม้แต่เวลาที่เธอได้เลื่อนตำแหน่งเธอก็ยังปฏิเสธ เพราะเธอเกรงว่าจะไม่สามารถทำได้ จากนั้นเธอก็ได้งานใหม่ซึ่งดีกว่า แต่เธอก็ปฏิเสธอีกเช่นกัน B พยายามพิสูจน์ว่าความเชื่อที่เธอมีนั้นเป็นจริงหรือไม่ เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนความเชื่อเกี่ยวกับการกระทำของเธอเสียใหม่ เธอก็ได้งานใหม่ที่ดีกว่า มีรายได้ดีกว่า…