รวยด้วยการขายบาร์บีคิว

บาร์บีคิว

 

บาร์บีคิวถือว่าเป็นอาหารว่างของใครๆ หลายคน เพราะด้วยรสชาดที่เผ็ดจัดจ้านของบาร์บีคิว ทำให้บาร์บีคิวยังคงเป็นของว่างยอดนิยมที่คนไทยนิยมกันมาอย่างไม่เสื่อมคลาย ทำให้ในปัจจุบันนี้ร้านรถเข็นขายบาร์บีคิว เกิดขึ้นมามากมาย ซึ่งแต่ละคนมีสูตรการทำที่แตกต่างกันไป เพราะบาร์บีคิวทำง่าย ขายง่าย และขายได้เร็ว ลูกค้าสามารถซื้อไปกินที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญราคาไม่แพง ทุกคนสามารถซื้อกินได้

ประวัติบาร์บีคิว

“Barbecue” หรือ “Barbeque” บางทีก็ย่อเป็น BBQ แปลว่า “หลุมไฟเผาเนื้อเสวยศักดิ์สิทธิ์” (คำแปลเป็นภาษาไทยอาจจะดูปลกๆ นะครับ) เดิมมาจากภาษาของชนเผ่าหนึ่งชื่อเผ่า Taino ซึ่งอาศัยอยู่ตามเกาะต่างๆในแถบทะเล คาริเบียน ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของรัฐฟลอริดาของสหรัฐ

วิธีการทำอาชีพอิสระ

ชาวยุโรปเมื่อค้นพบทวีปอเมริกาใหม่ๆ ได้เห็นวิธีทำอาหารด้วยการเชือดหมูทั้งตัวปิ้งในหลุมซึ่งขุดลึกประมาณหัวเข่า ใส่ถ่านไฟแล้วเอาหมูไปวาง กลบสุมไฟไว้หลายชั่วโมงจนสุก มีกลิ่นควันหอมตลบอยู่ในเนื้อ ทำให้มีความยียวนชวนกินจริงๆ

ชาวยุโรปติดใจมาก ได้นำวิธีการนั้นไปใช้ ต่อมาภายหลัง ก็มีการดัดแปลงปรับปรุงไปเรื่อยๆ ตามความสดวกและเหมาะสมกับรสชาดของแต่ละชุมชน จนในสมัยนี้ ก็เป็นการทำเนื้อย่างไฟแดง คล้ายๆ การทำไก่ย่างในเมืองไทย ที่แตกต่างกันก็คือ อาจมีการใช้เศษเนื้อไม้ดิบบางชนิดที่ทำให้มีกลิ่นควันหอมเป็นเชื้อเพลิงปนลงในถ่านไฟด้วย และบางทีเนื้อนั้นก็อาจปรุงหรือทาด้วยซ้อสที่มีกลิ่นควันไฟทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้นก็ได้ แต่จะขุดดินเผาหรืออบเนื้อกันแบบชาวเกาะคงไม่ค่อยสดวกนักสำหรับชาวตะวันตก

ในอังกฤษการใช้ Barbecuing และการย่างหมายถึงการทำอาหารที่รวดเร็วโดยตรงผ่านความร้อนสูงในขณะที่การ ย่างยังหมายถึงการทำอาหารภายใต้การเป็นแหล่งตรงความร้อนสูงที่รู้จักกันใน สหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็น ในภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ใช้แต่การย่างหมายถึงกระบวนการรวดเร็วกว่าความร้อนสูงในขณะที่ Barbecuing หมายถึงการชะลอการใช้ความร้อนทางอ้อม และหรือควันร้อน คล้ายกับรูปแบบของอบ ตัวอย่างเช่น ในบ้านโดยทั่วไปย่างอาหารสุกบนตะแกรงโดยตรงกว่าถ่านร้อน

บาบีคิวสมัยนี้ คือเนื้ออบด้วยถ่านไม้ และควันไฟอ่อนๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือเป็นเนื้อเผาหรือเนื้อย่างไฟแดงเหมือนการปิ้งไก่ย่างก็ได้ แต่ที่แน่นอนก็คือเนื้อนั้นจะมีกลื่นควันไม้เผาในเนื้ออย่างชัดเจน และอาจฉาบด้วยซอสที่ทำให้มีรสชาติดีขึ้นด้วย ตามใจชอบของผู้ที่ชื่นชอบ

เอาหล่ะครับ ต่อไปผมจะแนะนำถึงการขายบาร์บีคิว เรามาดูกันเลยครับ

– เริ่มต้นด้วยเงินลงทุน ทุนเบื้องต้น 850 จะเป็นค่าเตาย่าง
– ทุนหมุนเวียน ประมาณ 1,500 บาทต่อวัน ต่อจำนวน 400 ไม้
– รายได้กำไรวันละ 300 ต่อวันขึ้นไป

วัสดุอุปกรณ์

– เตาย่าง
– โต๊ะ
– ถาด
– ถ่าน
– ถุงพลาสติก
– ไม้เสียบ

วัตถุดิบ

– เนื้อสันในไก่ เครื่องในไก่ 4 กิโลกรัม
– เนื้อวัว 4 กิโลกรัม
– เนื้อหมู 3 กิโลกรัม
– ผักต่างๆ เช่น หอมหัวใหญ่ พริกหวาน มะเขือเทศ (ลูกเล็ก) และสับปะรด
– เครื่องหมัก
– พริกไทย
– เนย
– ซอสแมกกี้
– ผงรสดี
– น้ำตาลทราย
– เกลือ

วิธีทำบาร์บีคิว

1. นำเนื้อไก่ และเครื่องในไก่ หรือเนื้อหมู หรือเนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นพองาม จากนั้นนำมาหมักด้วยพริกไทย ซอสแมกกี้ น้ำตาลทราย เนย ผงรสดี เกลือ และเติมเหล้าลงไปนิดหน่อยเพื่อให้มีกลิ่นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากันและหมักทิ้งไว้ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง
2. หั่นสับปะรดเป็นชิ้นพอคำ นำพริกหวาน และหอมหัวใหญ่มาผ่าแบ่งเป็น 4 ส่วน
3. สำหรับมะเขือเทศไม่ต้องหั่นเพราะใช้ทั้งลูก
4. นำเนื้อต่างๆ ที่หมักครบ 4 – 5 ชั่วโมง และผักมาเสียบไม้ ซึ่งจะประกอบด้วยสับปะรด 1 ชิ้น, พริกหวาน 1 ชิ้น , เนื้อไก่ หรือ เนื้อหมู หรือเนื้อวัว 1 ชิ้น , หอมหัวใหญ่ 1 ชิ้น พริกหวาน 1 ชิ้น และมะเขือเทศ 1 ลูก นำมาย่าง ย่างไฟอ่อนๆ จนถึงปานกลาง หมั่นกลับด้านให้สุกทั่วกัน ต้องระวังให้มากๆ คือ ต้องไม่ให้มีส่วนใดไหม้เกินไปจนดูไม่สวยงาม และไม่น่ารับประทาน

สถานที่จำหน่าย

ย่านชุมชนทั่วๆ ไป เช่น ใกล้ตลาด หน้าโรงเรียน หน้ามหาวิทยาลัย หน้าโรงงาน หรือแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

ข้อเสนอแนะ

1. การเสียบบาร์บิคิวอาจจะเสียบให้มีขนาดเล็กลงก็ได้ ราคาก็ตั้งให้ถูกลง สำหรับไม้เล็กจะประกอบด้วยพริกหวาน 1 ชิ้น สับปะรด 1 ชิ้น เนื้อไก่หรือเนื้อหมู หรือเนื้อวัว 1 ชิ้นและปิดท้ายด้วยพริกหวานอีก 1 ชิ้นก็ได้
2. การย่างมะเขือเทศ สับปะรด หอมหัวใหญ่ ควรย่างให้เกรียมพอดีรสชาติจะไม่ขม หรือเหม็นเขียว