Social Network Marketing คืออะไร

เมื่อจุดที่โลกวิ่งวนอยู่บนกระแสหลักอย่าง “Social Network” การที่ผู้คนแทบทุกคนในสังคมต่างออนไลน์อยู่บนเครือข่ายที่เชื่อมต่อผู้คนบนโลกไว้โดย จากจำนวนประชากรไทยกว่า 70 ล้านคน มีอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตราว 35 ล้านคน ขณะที่การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นมีถึง 97 ล้านเลขหมาย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการใช้งานกว่า 150% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร

วิธีการทำอาชีพอิสระ

โดยทั้ง 2 ปัจจัยส่งผลให้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กถึง 34 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนการใช้งานประมาณ 52% ของจำนวนประชากร และ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 1,300 ล้านคน ถือเป็นโซเชียลที่ทรงอิทธิพลและได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยไทยถือเป็นประเทศที่มีการใช้งานเฟซบุ๊กสูงเป็นอันดับ 9 ด้วยจำนวนผู้ใช้ 35 ล้านคน โดยการให้ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงอย่าง คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท โซเชียลอิงค์ จำกัด

จากตัวเลขที่แสดงให้เห็น สามารถสังเกตได้ชัดเลยว่าพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปจากยุคเก่าก่อนมาก การที่ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงถูกผนวกเข้ากับหลักการตลาดนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งหากต้องการจะเจาะตลาดของผู้คนในยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการส่วนมากวางแผนและลงมือทำผิดมหันต์เลยนั้นก็คือการพยายาม Direct Sell และ Hard Sell เข้าตรงสู่กลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มผู้ใช้บริการสังคมออนไลน์ และนั่นหมายความการที่พยายามส่งข้อมูล Post ข้อมูลหรือแม้กระการขายที่มากเกินไปนั้นอาจจะไม่ช่วยให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นแต่กลับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีสู่สังคมก็เป็นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นยอดขายก็จะต้องตกลงตามไปด้วย
แล้วจะทำเช่นไรให้การประชาสัมพันธ์และการขายบนโลกออนไลน์อย่าง Social Network ไปได้ด้วยดี !?

ปัจจัยพื้นฐานที่จะสามารถบ่งชี้ได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นก็ลองหันย้อนกลับมาถามตัวคุณเองว่าหากมีคนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งมาบอกคุณให้ซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งไม่ว่าสินค้าชิ้นนั้นจะดีแค่ไหน คุณก็ย่อมคิดมากหรืออาจจะไม่ซื้อเลยก็ได้ แต่ถ้าหากคนรู้จัก หรือคนคุ้นเคยมาบอกให้คุณซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งคุณอาจจะไม่ต้องการข้อมูลอะไรมากมายก็ตกลงซื้อโดยง่ายเลยก็ได้

วิธีการทำการตลาดตามแนวคิดนี้ก็เช่นกัน หากมุ่งเน้นแต่การขายเพียงอย่างเดียวนั้นก็ย่อมไม่มีเกิดการตอบสนองระหว่างกันกับฝั่งผู้รับสารแน่นอน แต่ถ้าหากลองเปลี่ยนวิธีเป็นการสร้างความสัมพันธ์ สร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะพยายาม Soft Sell หรือค่อยๆแบ่งการส่งข้อมูลออกเป็นสองส่วนอาจจะแบ่งเป็น การ Post เพื่อสร้างความสัมพันธ์อาจจะด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือกิจกรรมที่มีการตอบสนองระหว่างกันสักประมาณร้อยละ 80 และขายสักประมาณร้อยละ 20 วิธีการเช่นนี้อาจจะไม่ได้เห็นผลทันทีทันตาแต่อาจจะเป็นการสร้างความจดจำใน Branding และสร้างความยั่งยืนในอนาคตได้แน่นอน