แรงงานไทยใน AEC

โอกาสของแรงงานไทยในประชาคมอาเซียนมีมากน้อยแค่ไหน แรงงานกลุ่มไหนที่ได้ประโยชน์ และทาอย่างไรจึงจะฉกฉวยประโยชน์นั้นได้ ประเด็นสำคัญด้านแรงงานที่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ทำการศึกษาถึง “โอกาสแรงงานไทยใน AEC” ไว้อย่างน่าสนใจ โดย ดร.สราวุธ ไพฑูรย์พงษ์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า ปัญหาหนึ่งของตลาดแรงงานไทยคือความไม่สมดุลของโครงสร้างแรงงานที่เกิดขึ้นทั้งระดับล่างและระดับบน ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ กล่าวคือ ขาดแคลนแรงงานระดับล่าง(ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา)แต่มีแรงงานส่วนเกินระดับอุดมศึกษาอยู่มาก และมีปัญหาคุณภาพแรงงานไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งตลาดแรงงานอาเซียนน่าจะช่วยดูดซับแรงงานส่วนเกินของไทยกลุ่มนี้ได้

วิธีการทำอาชีพอิสระ

ปัญหาแรงงานระดับบนของไทย เช่น ในปี 2551 มีแรงงานระดับอนุปริญญาขึ้นไปประมาณ 5.1 ล้านคน มีการออกจากแรงงานเพียงประมาณปีละ 8.2 หมื่นคน แต่ประเทศไทยผลิตแรงงานใหม่ระดับนี้ออกมา 3.1 แสนคน ทำให้มีแรงงานส่วนเกินในระดับนี้มากกว่า 2.3 แสนคนต่อปี เฉพาะแรงงานระดับปริญญาตรี ในปี 2551 มีแรงงานระดับปริญญาว่างงานประมาณ 1.4 แสนคน ปี 2552 จำนวน 1.6 แสนคน ในปี 2553 จำนวน 1.3 แสนคน และยังพบว่ามีการว่างงานสะสม ต่อเนื่องมากกว่าปีละแสนคน เมื่อโอกาสเข้าสู่ตลาดแรงงานทำได้ยากเนื่องจากความต้องการมีจำกัด ตลาดแรงงานอาเซียนจึงเป็นโอกาสของแรงงานระดับสูงของไทยที่จะเข้าไปแข่งขันในการทำงานได้

บริบทการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีในกรอบของ AEC มี 2 ประเภท คือ

1.การค้าบริการ (กรอบความตกลงการค้าบริการอาเซียน – ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) รวมทั้งการเคลื่อนย้ายตามธรรมชาติของการค้า/การลงทุน และ

2. การเคลื่อนย้ายแรงงานวิชาชีพตามข้อตกลงยอมรับร่วมกันด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) ซึ่งการเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกัน การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือตามการค้าบริการหรือ AFAS คือ การลด /ยกเลิกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการในอาเซียน ประกอบด้วย การค้าบริการ 4 ประเภท คือ

  • 1.การขายบริการข้ามพรมแดน
  • 2. บุคคลผู้ถือสัญชาติตนเดินทางไปใช้บริการในต่างประเทศ
  • 3. ผู้ให้บริการต่างชาติเข้ามาจัดตั้งธุรกิจให้บริการ และ
  • 4. บุคลากรต่างชาติเดินทางไปให้บริการในต่างประเทศ เมื่อเข้าสู่ AEC แล้วนักธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศปลายทางทั้งกฎหมายเข้าเมืองและกฎหมายอื่นๆ และใช้ได้เฉพาะสาขาบริการเท่าที่ได้ตกลงกันเท่านั้น

นอกจากนี้แท้จริงแล้ว การเคลื่อนย้ายแรงงานตาม AFAS ก็เหมือนกับความตกลงใน GATS และ WTO ที่มีสมาชิกทั่วโลกเพียง AFAS มีสาขาบริการที่ทำความตกลงแล้วไม่ต่ำกว่า 65 สาขา ในขณะที่ GATS และ WTO ยังไม่มีความคืบหน้า

กรณี MRAs ของอาเซียนซึ่งปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามใน MRAs ไปแล้ว 7 วิชาชีพ คือ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล วิศวกร สถาปนิก นักสำรวจ และนักบัญชี และ 1 กลุ่มอาชีพคือการท่องเที่ยว แต่อุปสรรคของการเคลื่อนย้ายแรงงานกลุ่มนี้ คือ ต้องขึ้นทะเบียนวิชาชีพ (รับรองคุณสมบัติวิชาชีพ อาจต้องมีการทดสอบตามมาตรฐานที่กำหนด) ในประเทศปลายทาง นอกจากนี้ ต้องได้รับใบอนุญาตทำงานจากประเทศที่เข้าไปทำงาน และต้องปฏิบัติตามกฎ/ระเบียบของประเทศที่เข้าไปทำงาน ซึ่งในกรณีของไทยเราระบุว่าต้องมีประสบการณ์ กล่าวคือ ไม่ใช่ผู้จบการศึกษาใหม่ เช่น พยาบาลต้องมีประสบการณ์ อย่างน้อย 3 ปี แพทย์ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี เป็นต้น

จุดแข็งแรงงานไทยโดยการฝึกอบรมทางตรงและโดยอ้อมให้มีคุณลักษณะ (Attributes) ต่างๆ ที่ภาคธุรกิจต้องการ เช่น มีระเบียบวินัย มีมนุษยสัมพันธ์ การทำงานเป็นทีม มีความทุ่มเทให้กับงาน เป็นต้น ในภาพรวมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนคงไม่ได้ทำให้ตลาดแรงงานระหว่างประเทศของไทยเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพราะประเทศไทยและอาเซียนยังมีข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆ อีกเกือบทั่วโลก แต่หากเราใช้โอกาสที่เปิดกว้าง การผลักดันสู่ตลาดแรงงานอาเซียนจึงไม่เพียงช่วยลดปัญหาในประเทศแต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้แรงงานไทยระดับบนแข่งขันได้ในอาเซียน และนำรายได้เข้าประเทศ

ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ เฉลี่ย 4 ไตรมาส 2551 คำนวนจากตัวเลขกระทรวงศึกษาธิการ 2551