ก้าวหน้าดีกว่าถอยหลัง

เมื่อเจออุปสรรคคนเรามีทางเลือกอยู่สองทางเท่านั้น หนึ่งก้าวต่อไป สองถอยหลังออกมา และคนที่ใช้ชีวิตเป็น มักรู้ดีว่าควรเลือกทางใด

เวลาที่เจอปัญหา คุณเคยคิดถามตัวเองไหมว่าระหว่างเดินหน้ากับเดินถอยหลัง เราควรเลือกที่จะก้าวไปทางไหน อาจเป็นไปได้ที่จะก้าวถอยหลัง แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่าสาเหตุที่ก้าวถอยหลังนี้ ก้าวถอยไปเพื่ออะไร ถ้าหากถอยเพื่อตั้งหลักใหม่นั่นไม่ใช่ปัญหา และยังถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องอยู่ แต่ถ้าหากการก้าวถอยของเราคือการยอมแพ้กับทางเดินชีวิต ไม่ต้องการต่อสู้กับสิ่งใดอีกแล้ว ชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยมันดำเนินไหลไปตามวันเวลา ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เราคงต้องทบทวนเป้าหมายของตัวเองให้แน่ชัดว่า ‘อยากเป็นคนที่คว้าความสำเร็จหรือเป็นคนที่คว้าความล้มเหลว’

วิธีการทำอาชีพอิสระ

เพราะธรรมชาติสร้างสองขามนุษย์มาเพื่อให้เดินหน้า ไม่ได้ให้เดินถอยหลัง แม้แต่คนพิการไร้แขนขา มีเวลาเหลือบนโลกน้อยเต็มทีเขายังคิดแต่จะมีชีวิตเพื่อก้าวไปข้างหน้า แต่ถ้าหากต้องถอยหลังจริง เหตุผลจำเป็นคงมีเพียงแค่ การถอยมาก้าวเดียวเพื่อมาตั้งหลักใหม่เท่านั้น จากนั้นอย่างไร…ก็ต้องเดินหน้าต่อไปอยู่ดี

คนฉลาดแค่เพียงเขาใช้สติไตร่ตรองเวลาเจอปัญหา ก็ย่อมพบทางออกมากมายในการเดินหน้าแล้ว เพราะการต่อสู้คือกระบวนการเดียวที่ทำให้มนุษย์เราอยู่รอด เป็นปัจจัยสำคัญในการมีชีวิตอยู่อย่างคนที่มีค่า

หลายคนปรารถนาอยากมีชีวิตที่สวยงาม ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ต่อให้พบเจออุปสรรคนับพัน เป้าหมายเดียวของเราก็คือต้องเดินหน้าต่อสู้จริงไหม แต่ถึงอย่างนั้น…ก็ยังมีคนที่ยอมแพ้กับชีวิต อ่อนแอกับเส้นทางที่เลือกเดินอยู่เสมอ เมื่อพวกเขาพบว่าทางที่เลือกนั้นแม้จะสวยงามน่าเดินเพียงใด ฝันไว้ในจินตนการอย่างสวยหรูถึงวันสำเร็จอย่างงดงามเพียงไหน หากเมื่อพอเดินเข้ามาแล้วกลับพบเจอแต่ขวากหนามขวางกั้น และในที่สุดการที่เราพบเจออุปสรรคมากๆ กลับกลายเป็นยิ่งทำให้ใจอ่อนล้าจนคิดที่จะถอยหลังกลับ สุดท้ายการจะทำสิ่งที่ฝันไว้ให้สำเร็จสักเรื่อง จึงกลายเป็นเพียงความฝันแล้งๆ ในอากาศแต่เพียงเท่านั้น และบางทีเราอาจมานั่งตัดพ้อโชคชะตาที่ไม่เข้าข้างเราเสียอีก

แต่รู้อะไรไหม? โชคชะตาแท้จริงแล้วไม่เคยเข้าข้างใครเลย แต่โชคชะตาชอบเฝ้ามองและแอบให้กำลังใจคนที่เจอปัญหา เจออุปสรรคแต่กลับเดินหน้าอย่างยืดอก ไม่หวั่นแม้แต่อุปสรรคใด แม้ต้องต่อสู้อย่างเหนื่อยยาก หากนั่นก็คือ ความภาคภูมิใจที่เขาได้ลงมือทำ บุคคลแบบนี้แหละ ที่โชคชะตามักปรบมืออย่างชื่นชมอยู่เสมอ

ส่วนคนที่มองว่าตัวเองไร้โชคชะตาวาสนา ไม่มีโอกาสได้รับสิ่งดีๆ แบบคนอื่นเขานั้น ก็เพราะความคิดที่คอยปิดโลกทัศน์ของตัวเองซึ่งคอยกักขังไม่ให้เราพบเจอทางออก แต่หากมองดูดีๆ แล้ว เราเองก็เป็นคนมีโชคเหมือนกัน อาจจะเรียกว่าโชคดีกว่าใครเขาด้วยซ้ำ ถ้าเพียงเราพลิกความคิดที่มืดมนอีกมุมหนึ่ง ให้เป็นความคิดใหม่ที่พร้อมจะมองโลกโดยรอบตัวอย่างสวยงาม ด้วยมุมที่เป็นแง่บวกสร้างเสริมพลังความคิด และกระตุ้นให้เกิดทางออกของชีวิตรูปแบบใหม่
คนที่มองโลกในแง่บวก เมื่อเจอปัญหาเขามักมองหาข้อดีในเรื่องเหล่านั้นและเมื่อเจอข้อดีแล้ว เขาก็ย่อมรู้ในท้ายที่สุดเองว่า ควรจะเดินหน้าหรือพาตัวเองถอยหลัง

ก้าวหน้าอย่างไรก็ย่อมดีกว่าก้าวหลัง เพราะการเดินหน้าคือ การแสวงหาเป้าหมายที่รอวันสำเร็จ แต่ถ้าถอยหลังเมื่อไรแล้วนั้น เราคงต้องประสบความล้มเหลวจนไม่อยากจะให้อภัยตัวเองเลย